วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บุคคลที่ชื่นชอบ"เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน "

ประวัติ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

อเล็กซานเดอร์ แชปแมน เฟอร์กูสัน หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาก็เหมือนกับผู้จัดการทีมทั่วๆ ไป ที่มีจุดเริ่มต้นแบบธรรมดา ไม่หวือหวาอะไร เมื่อครั้งยังเด็กเขาถูกส่งไปเป็นลูกมือในอู่ต่อเรือ Clyde และได้ก้าวเข้าสู่วงการฟุตบอลโดยเริ่มเล่นฟุตบอลสมัครเล่นกับทีม ควีนส์ พาร์ค เขาลงเล่นนัดแรกในลีกกับตำแหน่ง ศูนย์หน้าตัวกลางในดิวิชั่น 2 พบกับ สตรานเรอร์ ในปี 1957 แล้วย้ายไปเล่นกับ เซนต์ จอห์นสโตน เป็นการชั่วคราวในปี 1960 และเริ่มเล่นเป็นอาชีพเมื่อย้ายไปอยู่กับ ดันเฟิร์มลิน ในปี 1964
เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น เมื่อเขาได้เข้ามาคุมทีมชาติ สกอตแลนด์ ชั่วคราวในศึกฟุตบอลโลกที่ เม็กซิโก ในปี 1986 แทนที่ จ็อค สตีน ที่เสียชีวิตลง แล้วเขาก็ปฏิเสธข้อเสนอจาก บาร์เซโลน่า, อาร์เซนอล, เรนเจอร์ส และ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส เพื่อเข้ามาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อจาก รอน แอตกินสัน ในวันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 1986
เฟอร์กี้ และลูกทีมยังกระหายในชัยชนะและพวกเขาก็สามารถคว้า ดับเบิ้ลแชมป์ได้อีกครั้ง ทั้งถ้วย พรีเมียร์ชิพ และ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 1995/96 แล้วเขาก็ได้นำพา เด็กสร้างของเฟอร์กี้มาแนะนำตัวให้กับวงการฟุตบอลในระดับมืออาชีพ ได้แก่ เดวิด เบ็คแฮม, แกรี่ เนวิลล์, ฟิล เนวิลล์, พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์ และ ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งเป็นเด็กปั้นขึ้นมาจากทีมเยาวชนของสโมสรเพื่อมาทดแทนนักเตะสูงอายุ เช่น มาร์ค ฮิวจ์ส, พอล อินซ์ และ อังเดร แคนเชลสกี้ส์ ทำให้ทุกฝ่ายต่างก็จับตามองทีมของเขาอย่างไม่ละสายตา
และเขาเองได้ทุ่มเงินมูลค่ากว่า 23 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อกองหลังอย่าง ยาป สตัม มาจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น และ ศูนย์หน้าจาก แอสตัน วิลล่า นั่นคือ ดไวท์ ยอร์ค เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีมในฤดูกาล 1998/99 ซึ่งก่อให้เกิดศูนย์หน้าคู่ใหม่ในวงการ โดย เฟอร์กี้ ได้จับคู่ แอนดี้ โคล เป็นศูนย์หน้าร่วมกับ ดไวท์ ยอร์ค และได้รับการขนานนามว่า คู่หูผิวสีและพวกเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวังเมื่อช่วยให้ทีมปีศาจแดง คว้า 3 แชมป์ได้เป็นหนแรก คือแชมป์พรีเมียร์ชิพ และ เอฟเอ คัพ โดยเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2 - 1 และในศึก ยูโรเปี้ยน คัพ หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปัจจุบัน ในรอบชิงชนะเลิศ พวกเขาต้องพบกับ บาเยิร์น มิวนิค โดยถูกยิงนำไปก่อน 1-0 แต่เมื่อมาถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น ซูเปอร์ซับ อย่าง เท็ดดี้ เชอริงแฮม มาทำประตูตีเสมอได้ และเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่มายิงประตูชัยปิดท้าย 2 - 1 อย่างเหลือเชื่อ



ผลงาน
เหรียญรางวัลที่เคยได้รับ

พรีเมียร์ชิพ : 2003, 2001, 2000, 1999, 1997, 1996, 1994, 1993
เอฟเอ คัพ : 1999, 1996, 1994, 1990
ลีก คัพ : 1992
เอฟเอ แชร์ริตี้ ชิลด์ : 1997, 1996, 1994, 1993, 1990, 2003
สกอตติช พรีเมียร์ ลีก : 1985, 1984, 1980
สกอตติช ดิวิชั่น 1 : 1977
สกอตติช เอฟเอ คัพ : 1986, 1984, 1983, 1982
สกอตติช ลีก คัพ : 1986
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : 1999
ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ : 1991, 1983
ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ : 1983, 1991
อินเตอร์ คอนติเนนทัล คลับ คัพ : 1999




บทสัมภาษณ์
คุณบอกว่าต้องมีความ อุตสาหะในการเป็นผู้จัดการทีม คุณคงต้องมีตัวอย่างมาบอกบ้างสิ...
สิ่งที่ผมเห็นได้ก็คือความต้องการที่ยิ่งใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้องสำหรับสโมสร ความอยากที่จะไปให้ถึงจุดๆ นั้น ผมและ อาร์ชี่ น็อกซ์ ได้ทำงานหนักมากมาย ทุกสิ่งสร้างรอยจารึกไว้ให้จดจำ ผมจำการประชุมกับแมวมองของทีมทุกคนในสัปดาห์แรกของการทำงานได้ และผมได้บอกกับพวกเขาว่า ผมไม่สนใจนักเตะที่เก่งที่สุดในถนน แต่ผมสนใจนักเตะที่เก่งที่สุดในเมืองและก็ยังคงเป็นเช่นนั้นในวันนี้ เราไม่ต้องการให้แมวมองสนใจเพียงแต่เด็กหนุ่มที่เล่นเก่งบนถนนของเขาเท่านั้น เราต้องการให้พวกเขาออกไปมองในสนาม และมองหานักเตะอายุน้อยที่เก่งที่สุด พูดจริงๆ แล้วแมวมองของเราทำงานได้ดีมากๆ เรามีแมวมองที่เยี่ยมจริงๆ

ผมยังจำ โจ บรัมสกิล จากทางตะวันออกเฉียงเหนือได้ เขาเป็นแมวมองที่เยี่ยมมาก ทอม คอร์เลสส์ ก็เป็นแมวมองในท้องถิ่น และเขาเป็นผู้นำ พอล สโคลส์ และ นิคกี้ บัตต์ เข้ามา เขาเป็นแมวมองที่ดีจริงๆ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่พวกเขาทั้งสองจากไปหลายปีมาแล้ว มีเรื่องราวดีๆ ที่เกี่ยวกับ โจ บรัมสกิล ก่อนหน้าที่ผมจะมาที่นี่ ทีมสต๊าฟโค้ชยังไม่มีส่วนร่วมในการเลือกนักเตะหนุ่มๆ มันถูกทิ้งให้เป็นหน้าที่ของแมวมอง ผมจึงบอกว่า มันไม่เพียงพอหรอก เราทุกคนต้องมีส่วนร่วมหลังจากนั้นในสนามฝึกซ้อมก็จะมีทั้งเหล่าสต๊าฟโค้ชและแมวมองด้วย เริ่มตั้งแต่สำนักงานเล็กๆของเราที่ถนนลิตเติ้ลตัน ไปจนถึงที่ เดอะ คลิฟฟ์ ผมจำได้เสมอว่าเด็กหนุ่มจากตะวันออกเฉียงเหนือได้เข้ามาร่วมฝึกซ้อมซึ่งมีประมาณ 40 คนในครั้งนั้น บางคนก็บอกว่าเด็กๆ ยังทำได้ไม่ดีนัก บางคนก็บอกว่าพวกเขายังเร็วไม่พอ แต่ โจ ก็แย้งว่า คิดดูนะ คุณเฟอร์กูสัน ยังไงแล้วผมก็รู้ว่าเด็กๆ เหล่านี้เก่งกว่าพวกคุณทุกคนในนี้ด้วยซ้ำ’ (หัวเราะ) เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ


ที่มา:http://www.redarmyfc.com/rafc-156.html


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น