วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บุคคลที่ชื่นชอบในสายวิชาการ"หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ"

ประวัติ หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ (ทองดี เรศานนท์)
                หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ (สุวรรณ เรศานนท์) เดิมชื่อ ทองดี เรศานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2439 ที่ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรคนโตของนายทัย และนางเรศ เรศานนท์ มีน้องร่วมมารดาเดียวกัน 2 คน แต่ถึงแก่กรรมเมื่อเยาว์วัย หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ จึงเป็นบุตรคนเดียวของบิดา มารดา การศึกษาชั้นต้นเริ่มด้วยการเข้าเรียนโรงเรียนตัวอย่างประจำมณฑลนครราชสีมา เป็นเวลา 2 ปี เมื่อบิดาถึงแก่กรรม มารดาจึงอพยพครอบครัวไปประกอบอาชีพค้าขายและทำสวนที่จังหวัดบุรีรัมย์ และหลวงสุวรรณวาจกกสิกิจก็ได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนประจำจังหวัดบุรีรัมย์ 2 ปี ต่อมาทางการของมณฑลนครราชสีมาได้ทำการคัดเลือกนักเรียนส่งเข้าเป็นนักเรียนหลวง หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจสามารถสอบได้เป็นที่ 1 จึงได้รับการคัดเลือกส่งมาเป็นนักเรียนหลวงที่โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา พระนคร แล้วสอบเข้าเรียนต่อในแผนกครุศึกษา กรมมหาวิทยาลัย สำเร็จวุฒิการศึกษา ป.ม. ใน พ.ศ. 2459

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ปริญญากิตติมศักดิ์ที่ได้รับ
และอนุสรณ์เชิดชูเกียรติ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดที่หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจได้รับ คือ มหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ช้างเผือก และทุติยจุลจอมเกล้า สำหรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ได้แก่ ปริญญา Honorary Degree of Doctor of Science จาก Oregon State University เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2498 และปริญญากสิกรรมและสัตวบาลดุษฎีบัณฑิต ( กิตติมศักดิ์) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2504 ส่วนอนุสรณ์เชิดชูเกียรติ มีดังนี้
  • อนุสาวรีย์หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2511
  • อนุสาวรีย์สามบูรพาจารย์ หรือ สามเสือแห่งเกษตร ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2538
  • ตึกสุวรรณวาจกกสิกิจ อันเป็นที่ทำการไปรษณีย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และธนาคารทหารไทยสาขาย่อยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • อาคารสุวรรณวาจกกสิกิจ ที่ตั้งของสถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจเพื่อการค้นคว้าและพัฒนาปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์ สถาบันอินทรีจันทรสถิตย์เพื่อการพัฒนาพืช สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบเกษตรในเขตวิกฤต
  • ถนนหลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ
  • สวน 100 ปีหลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ
  • สถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจเพื่อการค้นคว้า และพัฒนาปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์
  • ฟาร์มไก่หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ ต้นแบบการเลี้ยงไก่ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
  • สถานีฝึกนิสิตสุวรรณวาจกกสิกิจ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
  • ทุนการศึกษานิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชื่อทุน สุวรรณวาจกกสิกิจ
  • ข้าวโพด พันธุ์สุวรรณ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ได้มีการปรับปรุงพันธุ์และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้ผลผลิตดีและต้านทานโรคราน้ำค้าง ซึ่งพัฒนาโดย ศูนย์วิจัยข้าวโพดข้าวฟ่างแห่งชาติ เช่น พันธุ์สุวรรณ 1-2

    เมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจมีผลงานชิ้นสุดท้ายที่ได้ทำไว้ คือ การสร้างฟาร์มไก่หลวงสุวรรณ ( ฟาร์มเรศานนท์) ขึ้นที่ซอยอัฏฐมิตร ( พหลโยธิน 37 บางเขน กรุงเทพฯ ) เพื่อแสดงว่าท่านเองไม่เพียงแต่ส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปเลี้ยงไก่เท่านั้น แต่ท่านยังทำการเลี้ยงไก่ด้วยตัวท่านเอง เมื่อมีโอกาสจะทำได้

    บทสัมภาษณ์
    หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจมองเห็นปัญหาและแนวทางในการพัฒนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2491 จึงพยายามของบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล โดยได้มีหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรี ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ตอบกลับมาว่า "จดหมายของคุณหลวง ลงวันที่ 24 กรกฎาคม ศกนี้ ว่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ขาดอุปกรณ์การสอน การเรียน การฝึกหัด และการศึกษาค้นคว้างบประมาณที่ได้รับไม่เพียงพอ จึงใคร่ขอให้พิจารณาช่วยเหลือ สนับสนุน ดังความแจ้งแล้วนั้น ผมได้รับทราบแล้วขอขอบคุณในการที่คุณหลวงได้เอาใจใส่ในการปรุบปรุงมหาวิทยาลัยนี้เป็นอันมากในปี 2492 ขอให้คุณหลวงตั้งงบประมาณไปให้เต็มที่ ผมยินดีจะสนับสนุนให้เป็นพิเศษ" ..................... จอมพล ป. พิบูลสงคราม
    นอกจากได้รับงบประมาณเพิ่มแล้ว ในปี 2493 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้รับสัมปทานการทำป่าไม้สักแม่อิง จังหวัดเชียงราย และแม่แฮด จังหวัดแพร่ และได้มอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ( อ.อ.ป.) เป็นผู้รับทำ โดยมีสัญญาข้อตกลงว่ากำไรสุทธิมอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ร้อยละ 30 มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ได้รับร้อยละ 70 ในปีแรกของการดำเนินงานในปี 2496 จึงได้เงินมาสร้างหอพักนิสิตจำนวน 2 หลัง ราคาหลังละ 1 ล้านบาท ต่อมาคณะรัฐมนตรีไห้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จ่ายเงินรายได้อุดหนุนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปีละ 3 ล้านบาท
    เหตุผลที่ชื่นชอบ
                    เพราะ ท่านมีความมานะ อุตสาหะ ทุ่มเทต่องานในหน้าที่ อีกทั้งค้นคว้าวิจัยเรื่องเกี่ยวกับทางด้านการเกษตรอีกมากมาย ทำให้การเกษตรของบ้านเราพัฒนาต่อไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น