วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อัพเดท!!! ข่าวสารเทคโนโลยีใหม่ๆ

iPod Touch รุ่นใหม่เทียบชั้น iPhone 5 ด้วยระบบ 3G,จะมีหน้าตาเป็นแบบนี้




            หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวคราวล่าสุดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Apple เข้ามาว่า iPod Touch รุ่นใหม่ของพวกเขา (iPod Touch 5G) กำลังจะมาพร้อมกับความสามารถใหม่ในการรองรับระบบ 3G เหมือนอย่างใน iPhone และ iPad ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานหลายคนสามารถสื่อสารทางเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต (VoIP: Voice over Internet Protocol) ผ่านโปรแกรมประเภท Skype หรือ Google Voice ด้วยราคาตัวเครื่องที่ถูกลงกว่าซื้อ iPhone 4 มาใช้งานนั้น
           
            ล่าสุดทีมงาน iPhoneDownloadBlog ได้ลองจับเอาข่าวลือเหล่านี้มาแต่งเติมเสริมรายละเอียดเข้าไปจนออกมาเป็นภาพคอนเซปต์ของ iPod Touch 5G รุ่นรองรับระบบ 3G ที่ว่านี้ซึ่งมีรูปลักษณ์สุดบางเฉียบเหมือนกับ iPod Touch รุ่นก่อนหน้านี้ทุกประการ ทว่าจะมีแถบสีดำเป็นตัวบ่งบอกว่ามีเสาสัญญาณซ่อนอยู่ภายในเครื่องรวมถึงบนหน้าจอยังมีสัญลักษณ์ 3G ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนด้วย นอกจากนี้ยังมีโอกาสสูงทีเดียวที่ iPod Touch 5G ที่ว่านี้จะมาพร้อมกับซิมการ์ดขนาดเล็กแบบใหม่ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Apple ไปจับมือกับบริษัท Gemalto ในการพัฒนาร่วมกันมาแล้วนั่นเอง

ที่มา: http://hitech.sanook.com/ipod-touch-รุ่นใหม่เทียบชั้น-iphone-5-ด้วยระบบ-3g-จะมีหน้าตาเป็น-939191.html


Samsung Galaxy Q แท็บเล็ตโฟน 5.3"


Samsung Galaxy Q
           รายงานข่าวจากเว็บไซต์ Yahoo ในประเทศเกาหลีระบุว่า Samsung เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตในตระกูล Galaxy โดยมีชื่อเรียกว่า Samsung Galaxy Q ซึ่งจากข้อมุลในขั้นต้น มันเป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมช่องว่างระหว่างสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต (ขนาดหน้าจอจะใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนเล็กน้อย แต่จะเล็กกว่ามากเมื่อเทียบกับแท็บเล็ต)

          Samsung Galaxy Q มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัส Super AMOLED ขนาด 5.3 นิ้ว โดยจะเปิดตัวในงาน IFA 2011 ที่จะจัดขึ้นในกรุงเบอร์ลินช่วงเดือนกันยายน ศกนี้ ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือ Samsung มีสมาร์ทโฟนยอดฮิตอย่าง Galaxy S และ Galaxy S2 ที่มีหน้าจอขนาด 4.3 นิ้ว ในขณะที่ถัดมาก็จะเป็นแท็บเล็ต Galaxy Tab ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ 7 นิ้ว 



ที่มา: http://hitech.sanook.com/samsung-galaxy-q-แท็บเล็ตโฟน-5.3-939410.html

                          Sony SLT A55 - Engineer to respond

                ขอหยิบเอาสโลแกนของรถยนต์ยี่ห้อดัง มาเทียบกับกล้อง DSLR แบบกระจกโปร่งแสงของทาง Sony ล่าสุดกันครับ ทำไมเพราะกล้องตัวนี้ช่าง Engineer to respond เสียจริงๆ เปิดปุ๊บก็พร้อมใช้งานปั้บ แถมถ่ายรัวก็ได้กัน 10 fps (เท่ากับกล้องท้อปของ DSLR ค่ายเหลืองค่ายแดงเลยครับ) แถมใครที่เป็นสาวก Sony หรือ Minolta เก่าก็ยังสามารถใช้เลนส์ A-Mount ได้อีกด้วย ทำให้กล้องเล็กๆ แต่เปี่ยมประสิทธิภาพตัวนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

            จอของกล้องก็บิดพับได้ และให้ความละเอียดสูงถึงเกือบๆ ล้านพิกเซล การจับถือก็ค่อนข้างถนัดมือครับ ใช้งานได้ง่าย

            ตัวกล้องรองรับ A-Mount นั่นหมายความว่าเอาเลนส์อัลฟ่าใส่ได้ทุกตัว มองเห็นกระจกโปรงใสอยู่ภายใน โดยกระจกนี้ขยับไม่ได้ครับ เลนส์ก็เป็นเลนส์ Kit ที่ติดมากับกล้อง Sony Alpha ทุกตัวนั่นแหละครับ เซนเซอร์ Size เดียวกับกล้อง DSLR ทั่วไปๆ ดังนั้นการทำหลังเบลอ คุณภาพไฟล์ไม่ได้ด้อย DSLR ตัวไหนอย่างแน่นอน

            มาทำความรู้จักกับกล้องรหัส SLT กันสักนิด SLT ย่อมาจาก Single Lens Translucent หรือ กล้องแบบกระจกโปร่งใส แทนที่จะเป็นกล้องแบบกระจก โดยแสงจากเลนส์ก็จะผ่านกระจกนี้เข้าสู่เซนเซอร์ตลอดเวลา ทำให้การบันทึกภาพรวดเร็ว ลดขั้นตอนการยกกระจกเหมือนกล้อง DSLR ทั่วๆ ไป จึงไม่ต้องแปลกใจที่กล้องรุ่นนี้จะรัวได้มากมายถึง 10 fps เพราะไม่ได้ยกกระจกแต่ใช้ม่านชัตเตอร์บันทึกภาพต่อเนื่องโดยตรง ซึ่งกระจกจะมีประโยชน์อะไร (นั่นสิ) กระจกก็จะทำหน้าที่ส่งสัญญาณภาพไปยังจอLCD ที่ View Finder ซึ่งมีลักษณะเป็น EVF (Electronic View Finder) แต่ไม่ใช่แบบสมัยก่อนที่ภาพแตก ดูรายละเอียดอะไรไม่ได้ สำหรับกล้อง Sony รุ่นนี้มีความสมจริงมากขึ้น และให้ความสว่างเป็นที่น่าพอใจ

           
              โดยการทดสอบของเราสมบุกสมบันมากครับ ไม่ว่าจะเป็นลุยน้ำ แช่หิมะ (ดรีมเวิล์ด) กล้องรุ่นนี้ก็ยัง Engineer to respond ต่อไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรครับ และผมได้ลองเปิดดูภายในหลังจากออกมาจากห้องหิมะ แห้งสนิท (ไม่แห้งผมหัวขาดแน่) ไม่มีน้ำเข้าไปเลยแม้แต่น้อย ทำให้มั่นใจได้ว่ากล้องรุ่นนี้ซีลกันน้ำมาพอสมควรทีเดียว เปิดติดถ่ายต่อได้สบายๆ 

ที่มา: http://hitech.sanook.com/full-review-sony-slt-a55-engineer-to-respond-939505.html

 

ดาราที่ชื่นชอบ

                                    1.หลิวอี้เฟย


เหตุผลที่ชอบ  เพราะหลิวอี้เฟยนั้นมีหน้าตาที่น่ารักมากๆ เป็นธรรมชาติมาก เห็นครั้งแรกก็หลงใหลในตัวเธอคนนี้ ตอนเห็นครั้งแรกที่ได้ดูในหนังมังกรหยก ถูกใจมากๆ เพราะบทบาทที่หลิวอี้เฟยได้รับนั้น เธอเล่นได้ดีมากจริงๆ หลังจากนั้นฉันก็กลายเป็นหนึ่งในแฟนคลับของเธอ



2.อั้ม พัชราภา

                         เหตุผลที่ชอบ  เพราะ ต้องนับถือในด้านหน้าตา รูปร่าง ของเธอคนนี้เลยจริงๆ เวลาออกงานแต่ละครั้งเธอเริ่ดมาก  งานที่เธอทำนั้นเกือบทุกรูปแบบในวงการบันเทิง ต้องเชื่อในความสามารถเลยจริงๆ



3. พลอย เฌอมาลย์

                              เหตุผลที่ชอบ เพราะพลอยมีหน้าตาที่น่ารัก ขี้เล่น แต่พอแต่งตัว แต่งหน้า เธอคนนี้จะกลายเป็นคนที่สวย เซ็กซี่มากๆ เห็นแล้วชื่นชอบมาก อีกทั้งด้านการแสดง เธอสามารถตีบทแตกได้ทุกๆบทบาท ทำให้เธอคนนี้น่าสนใจมากๆ


4.ว่าน ธนกฤต

                        เหตุผลที่ชอบ เพราะ รูปร่างหน้าตาที่แสนอบอุ่น เมื่อเห็นทำให้รู้สึกสบายๆ อีกทั้งเพลงที่ว่านร้องนั้นทำให้รู้สึกอินไปกลับเพลงมากๆ เสียงร้องก็นุ่มหู ทำให้ว่านเป็นคนที่ฉันชอบอีกคนหนึ่ง



5.โดม ปกรณ์

เหตุผลที่ชอบ เพราะ โดมเป็นคนที่หล่อมากๆ ดูดีไปทุกส่วน ไม่ว่าจะหน้าตา ผม รูปร่าง เป็นผู้ชายที่หาที่ติยาก อีกทั้งบุคคลิกดูเป็นคนที่ลึกลับนิดๆ ดูน่าค้นหาดี


วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

หนังที่ชื่นชอบ


Pearl Harbor


เหตุผลที่ชอบ เพราะ หนังเรื่องนี้มีสิ่งหนึ่งที่น่าจดจำ คือ เพื่อนแท้เพื่อนรัก เป็นมิตรภาพระหว่างเพื่อน ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาจนไปสู่สงครามระหว่างประเทศชาติ วีรบุรุษของประเทศชาติอย่างแท้จริง
Fast and the Furious 1


เหตุผลที่ชอบ เพราะ หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึง มิตรภาพระหว่างพ้องเพื่อนอันนี้ประทับใจเป็นอย่างมาก และการช่วยเหลือซึ่งกันละกันที่แสดงให้เห็นมิตรภาพอย่างแท้จริง

Gone In 60 Seconds


เหตุผลที่ชอบ เพราะ หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึง ความผูกพันของพี่น้อง เวลาที่น้องมีปัญหาพี่จะคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด และอีกอย่างหนึ่งที่ชอบเรื่องนี้ คือ มิตรภาพระหว่างเพื่อนที่ช่วยเหลือกัน

No Strings Attached

เหตุผลที่ชอบ เพราะ หนังเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความรักที่แท้จริงแล้ว คนเราต้องการอะไรมากกว่ากันระหว่าง ความสัมพันธ์ทางกายอันฉาบฉวย หรือ ความสัมพันธ์ทางใจที่ยั่งยืน

Pirates of the Caribbean

เหตุผลที่ชอบ เพราะ ประทับใจเรื่องนี้ตรงที่ เป็นหนังที่สนุกไปกับ การผจญภัยท้องทะเล แสนกว้างใหญ่ ที่ตื่นเต้น เล่าใจ ลึกลับ ไปกับเหล่าโจรสลัด

บุคคลที่ชื่นชอบ"เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน "

ประวัติ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

อเล็กซานเดอร์ แชปแมน เฟอร์กูสัน หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาก็เหมือนกับผู้จัดการทีมทั่วๆ ไป ที่มีจุดเริ่มต้นแบบธรรมดา ไม่หวือหวาอะไร เมื่อครั้งยังเด็กเขาถูกส่งไปเป็นลูกมือในอู่ต่อเรือ Clyde และได้ก้าวเข้าสู่วงการฟุตบอลโดยเริ่มเล่นฟุตบอลสมัครเล่นกับทีม ควีนส์ พาร์ค เขาลงเล่นนัดแรกในลีกกับตำแหน่ง ศูนย์หน้าตัวกลางในดิวิชั่น 2 พบกับ สตรานเรอร์ ในปี 1957 แล้วย้ายไปเล่นกับ เซนต์ จอห์นสโตน เป็นการชั่วคราวในปี 1960 และเริ่มเล่นเป็นอาชีพเมื่อย้ายไปอยู่กับ ดันเฟิร์มลิน ในปี 1964
เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น เมื่อเขาได้เข้ามาคุมทีมชาติ สกอตแลนด์ ชั่วคราวในศึกฟุตบอลโลกที่ เม็กซิโก ในปี 1986 แทนที่ จ็อค สตีน ที่เสียชีวิตลง แล้วเขาก็ปฏิเสธข้อเสนอจาก บาร์เซโลน่า, อาร์เซนอล, เรนเจอร์ส และ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส เพื่อเข้ามาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อจาก รอน แอตกินสัน ในวันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 1986
เฟอร์กี้ และลูกทีมยังกระหายในชัยชนะและพวกเขาก็สามารถคว้า ดับเบิ้ลแชมป์ได้อีกครั้ง ทั้งถ้วย พรีเมียร์ชิพ และ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 1995/96 แล้วเขาก็ได้นำพา เด็กสร้างของเฟอร์กี้มาแนะนำตัวให้กับวงการฟุตบอลในระดับมืออาชีพ ได้แก่ เดวิด เบ็คแฮม, แกรี่ เนวิลล์, ฟิล เนวิลล์, พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์ และ ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งเป็นเด็กปั้นขึ้นมาจากทีมเยาวชนของสโมสรเพื่อมาทดแทนนักเตะสูงอายุ เช่น มาร์ค ฮิวจ์ส, พอล อินซ์ และ อังเดร แคนเชลสกี้ส์ ทำให้ทุกฝ่ายต่างก็จับตามองทีมของเขาอย่างไม่ละสายตา
และเขาเองได้ทุ่มเงินมูลค่ากว่า 23 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อกองหลังอย่าง ยาป สตัม มาจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น และ ศูนย์หน้าจาก แอสตัน วิลล่า นั่นคือ ดไวท์ ยอร์ค เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีมในฤดูกาล 1998/99 ซึ่งก่อให้เกิดศูนย์หน้าคู่ใหม่ในวงการ โดย เฟอร์กี้ ได้จับคู่ แอนดี้ โคล เป็นศูนย์หน้าร่วมกับ ดไวท์ ยอร์ค และได้รับการขนานนามว่า คู่หูผิวสีและพวกเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวังเมื่อช่วยให้ทีมปีศาจแดง คว้า 3 แชมป์ได้เป็นหนแรก คือแชมป์พรีเมียร์ชิพ และ เอฟเอ คัพ โดยเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2 - 1 และในศึก ยูโรเปี้ยน คัพ หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปัจจุบัน ในรอบชิงชนะเลิศ พวกเขาต้องพบกับ บาเยิร์น มิวนิค โดยถูกยิงนำไปก่อน 1-0 แต่เมื่อมาถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น ซูเปอร์ซับ อย่าง เท็ดดี้ เชอริงแฮม มาทำประตูตีเสมอได้ และเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่มายิงประตูชัยปิดท้าย 2 - 1 อย่างเหลือเชื่อ



ผลงาน
เหรียญรางวัลที่เคยได้รับ

พรีเมียร์ชิพ : 2003, 2001, 2000, 1999, 1997, 1996, 1994, 1993
เอฟเอ คัพ : 1999, 1996, 1994, 1990
ลีก คัพ : 1992
เอฟเอ แชร์ริตี้ ชิลด์ : 1997, 1996, 1994, 1993, 1990, 2003
สกอตติช พรีเมียร์ ลีก : 1985, 1984, 1980
สกอตติช ดิวิชั่น 1 : 1977
สกอตติช เอฟเอ คัพ : 1986, 1984, 1983, 1982
สกอตติช ลีก คัพ : 1986
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : 1999
ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ : 1991, 1983
ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ : 1983, 1991
อินเตอร์ คอนติเนนทัล คลับ คัพ : 1999




บทสัมภาษณ์
คุณบอกว่าต้องมีความ อุตสาหะในการเป็นผู้จัดการทีม คุณคงต้องมีตัวอย่างมาบอกบ้างสิ...
สิ่งที่ผมเห็นได้ก็คือความต้องการที่ยิ่งใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้องสำหรับสโมสร ความอยากที่จะไปให้ถึงจุดๆ นั้น ผมและ อาร์ชี่ น็อกซ์ ได้ทำงานหนักมากมาย ทุกสิ่งสร้างรอยจารึกไว้ให้จดจำ ผมจำการประชุมกับแมวมองของทีมทุกคนในสัปดาห์แรกของการทำงานได้ และผมได้บอกกับพวกเขาว่า ผมไม่สนใจนักเตะที่เก่งที่สุดในถนน แต่ผมสนใจนักเตะที่เก่งที่สุดในเมืองและก็ยังคงเป็นเช่นนั้นในวันนี้ เราไม่ต้องการให้แมวมองสนใจเพียงแต่เด็กหนุ่มที่เล่นเก่งบนถนนของเขาเท่านั้น เราต้องการให้พวกเขาออกไปมองในสนาม และมองหานักเตะอายุน้อยที่เก่งที่สุด พูดจริงๆ แล้วแมวมองของเราทำงานได้ดีมากๆ เรามีแมวมองที่เยี่ยมจริงๆ

ผมยังจำ โจ บรัมสกิล จากทางตะวันออกเฉียงเหนือได้ เขาเป็นแมวมองที่เยี่ยมมาก ทอม คอร์เลสส์ ก็เป็นแมวมองในท้องถิ่น และเขาเป็นผู้นำ พอล สโคลส์ และ นิคกี้ บัตต์ เข้ามา เขาเป็นแมวมองที่ดีจริงๆ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่พวกเขาทั้งสองจากไปหลายปีมาแล้ว มีเรื่องราวดีๆ ที่เกี่ยวกับ โจ บรัมสกิล ก่อนหน้าที่ผมจะมาที่นี่ ทีมสต๊าฟโค้ชยังไม่มีส่วนร่วมในการเลือกนักเตะหนุ่มๆ มันถูกทิ้งให้เป็นหน้าที่ของแมวมอง ผมจึงบอกว่า มันไม่เพียงพอหรอก เราทุกคนต้องมีส่วนร่วมหลังจากนั้นในสนามฝึกซ้อมก็จะมีทั้งเหล่าสต๊าฟโค้ชและแมวมองด้วย เริ่มตั้งแต่สำนักงานเล็กๆของเราที่ถนนลิตเติ้ลตัน ไปจนถึงที่ เดอะ คลิฟฟ์ ผมจำได้เสมอว่าเด็กหนุ่มจากตะวันออกเฉียงเหนือได้เข้ามาร่วมฝึกซ้อมซึ่งมีประมาณ 40 คนในครั้งนั้น บางคนก็บอกว่าเด็กๆ ยังทำได้ไม่ดีนัก บางคนก็บอกว่าพวกเขายังเร็วไม่พอ แต่ โจ ก็แย้งว่า คิดดูนะ คุณเฟอร์กูสัน ยังไงแล้วผมก็รู้ว่าเด็กๆ เหล่านี้เก่งกว่าพวกคุณทุกคนในนี้ด้วยซ้ำ’ (หัวเราะ) เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ


ที่มา:http://www.redarmyfc.com/rafc-156.html


บุคคลที่ชื่นชอบในสายวิชาการ"หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ"

ประวัติ หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ (ทองดี เรศานนท์)
                หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ (สุวรรณ เรศานนท์) เดิมชื่อ ทองดี เรศานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2439 ที่ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรคนโตของนายทัย และนางเรศ เรศานนท์ มีน้องร่วมมารดาเดียวกัน 2 คน แต่ถึงแก่กรรมเมื่อเยาว์วัย หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ จึงเป็นบุตรคนเดียวของบิดา มารดา การศึกษาชั้นต้นเริ่มด้วยการเข้าเรียนโรงเรียนตัวอย่างประจำมณฑลนครราชสีมา เป็นเวลา 2 ปี เมื่อบิดาถึงแก่กรรม มารดาจึงอพยพครอบครัวไปประกอบอาชีพค้าขายและทำสวนที่จังหวัดบุรีรัมย์ และหลวงสุวรรณวาจกกสิกิจก็ได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนประจำจังหวัดบุรีรัมย์ 2 ปี ต่อมาทางการของมณฑลนครราชสีมาได้ทำการคัดเลือกนักเรียนส่งเข้าเป็นนักเรียนหลวง หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจสามารถสอบได้เป็นที่ 1 จึงได้รับการคัดเลือกส่งมาเป็นนักเรียนหลวงที่โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา พระนคร แล้วสอบเข้าเรียนต่อในแผนกครุศึกษา กรมมหาวิทยาลัย สำเร็จวุฒิการศึกษา ป.ม. ใน พ.ศ. 2459

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ปริญญากิตติมศักดิ์ที่ได้รับ
และอนุสรณ์เชิดชูเกียรติ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดที่หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจได้รับ คือ มหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ช้างเผือก และทุติยจุลจอมเกล้า สำหรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ได้แก่ ปริญญา Honorary Degree of Doctor of Science จาก Oregon State University เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2498 และปริญญากสิกรรมและสัตวบาลดุษฎีบัณฑิต ( กิตติมศักดิ์) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2504 ส่วนอนุสรณ์เชิดชูเกียรติ มีดังนี้
  • อนุสาวรีย์หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2511
  • อนุสาวรีย์สามบูรพาจารย์ หรือ สามเสือแห่งเกษตร ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2538
  • ตึกสุวรรณวาจกกสิกิจ อันเป็นที่ทำการไปรษณีย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และธนาคารทหารไทยสาขาย่อยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • อาคารสุวรรณวาจกกสิกิจ ที่ตั้งของสถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจเพื่อการค้นคว้าและพัฒนาปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์ สถาบันอินทรีจันทรสถิตย์เพื่อการพัฒนาพืช สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบเกษตรในเขตวิกฤต
  • ถนนหลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ
  • สวน 100 ปีหลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ
  • สถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจเพื่อการค้นคว้า และพัฒนาปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์
  • ฟาร์มไก่หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ ต้นแบบการเลี้ยงไก่ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
  • สถานีฝึกนิสิตสุวรรณวาจกกสิกิจ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
  • ทุนการศึกษานิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชื่อทุน สุวรรณวาจกกสิกิจ
  • ข้าวโพด พันธุ์สุวรรณ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ได้มีการปรับปรุงพันธุ์และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้ผลผลิตดีและต้านทานโรคราน้ำค้าง ซึ่งพัฒนาโดย ศูนย์วิจัยข้าวโพดข้าวฟ่างแห่งชาติ เช่น พันธุ์สุวรรณ 1-2

    เมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจมีผลงานชิ้นสุดท้ายที่ได้ทำไว้ คือ การสร้างฟาร์มไก่หลวงสุวรรณ ( ฟาร์มเรศานนท์) ขึ้นที่ซอยอัฏฐมิตร ( พหลโยธิน 37 บางเขน กรุงเทพฯ ) เพื่อแสดงว่าท่านเองไม่เพียงแต่ส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปเลี้ยงไก่เท่านั้น แต่ท่านยังทำการเลี้ยงไก่ด้วยตัวท่านเอง เมื่อมีโอกาสจะทำได้

    บทสัมภาษณ์
    หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจมองเห็นปัญหาและแนวทางในการพัฒนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2491 จึงพยายามของบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล โดยได้มีหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรี ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ตอบกลับมาว่า "จดหมายของคุณหลวง ลงวันที่ 24 กรกฎาคม ศกนี้ ว่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ขาดอุปกรณ์การสอน การเรียน การฝึกหัด และการศึกษาค้นคว้างบประมาณที่ได้รับไม่เพียงพอ จึงใคร่ขอให้พิจารณาช่วยเหลือ สนับสนุน ดังความแจ้งแล้วนั้น ผมได้รับทราบแล้วขอขอบคุณในการที่คุณหลวงได้เอาใจใส่ในการปรุบปรุงมหาวิทยาลัยนี้เป็นอันมากในปี 2492 ขอให้คุณหลวงตั้งงบประมาณไปให้เต็มที่ ผมยินดีจะสนับสนุนให้เป็นพิเศษ" ..................... จอมพล ป. พิบูลสงคราม
    นอกจากได้รับงบประมาณเพิ่มแล้ว ในปี 2493 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้รับสัมปทานการทำป่าไม้สักแม่อิง จังหวัดเชียงราย และแม่แฮด จังหวัดแพร่ และได้มอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ( อ.อ.ป.) เป็นผู้รับทำ โดยมีสัญญาข้อตกลงว่ากำไรสุทธิมอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ร้อยละ 30 มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ได้รับร้อยละ 70 ในปีแรกของการดำเนินงานในปี 2496 จึงได้เงินมาสร้างหอพักนิสิตจำนวน 2 หลัง ราคาหลังละ 1 ล้านบาท ต่อมาคณะรัฐมนตรีไห้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จ่ายเงินรายได้อุดหนุนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปีละ 3 ล้านบาท
    เหตุผลที่ชื่นชอบ
                    เพราะ ท่านมีความมานะ อุตสาหะ ทุ่มเทต่องานในหน้าที่ อีกทั้งค้นคว้าวิจัยเรื่องเกี่ยวกับทางด้านการเกษตรอีกมากมาย ทำให้การเกษตรของบ้านเราพัฒนาต่อไป


PROFILE

ชื่อ-นามสกุล พิชามญชุ์  สุริยาวรกุล
ชื่อเล่น  น้ำว้า
วันเดือนปีเกิด  29 กันยายน 2535
ครอบครัว
            ครอบครัวของฉัน ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูกสาวสองคน ฉันเป็นพี่คนโต
การศึกษา
            อนุบาล 1-3  โรงเรียนประภามนตรี
            ประถมศึกษา 1-6 โรงเรียนศรีเอี่ยมอนุสรณ์
            มัธยมศึกษา 1-6 โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว
            ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาชีวการแพทย์
อุปนิสัย
            เรียบง่าย มีโลกส่วนตัวสูง แต่เมื่อสนิทแล้วจะเป็นคนที่ร่าเริงมาก
ความสนใจ
            มีความสนใจในหนังสือนวนิยาย ,กีฬาว่ายน้ำ , ดาราคนโปรด (หลิวอี้เฟย)
สิ่งที่ชอบมากที่สุด
            อ่านนิยาย     ชอบกิน    ชอบนอน     เล่นเน็ต     ดูทีวี
สิ่งที่ไม่ชอบมากที่สุด
            แมงมุม    ขี้จิ้งจก      กระเทียม       หนังไก่       เศษผมตามท่อ